โดย สุรเชษฐ์ พอสม
“ประวัติศาสตร์กลายเป็นตำนาน ตำนานจะกลายเป็นเทพนิยาย ” : อภินิหารแหวนครองพิภพ
ความจริงนิทานเรื่องนี้ มีทั่วไปในดินแดนอุษาคเนย์ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะมีความทรงจำร่วมกันต่อมาหลายพันปี ทำให้แต่ละท้องถิ่นมีการเสริมเติมแต่งในแต่ละพื้นที่แตกต่างกันไป และระยะเวลาของนิทานตำนานก็ล่วงเลยมาหลายพันปี ทำให้เนื้อหาการเล่า ผิดเพี้ยนไปได้ง่าย คงต้องไปศึกษาในแต่ละคำตามการศึกษาแบบนิรุกติศาสตร์ ถึงที่มาที่ไปให้ชัดแจ้งแต่ก็คงจะยากเหมือนกัน
เอาละมาฟังเรื่องเล่าเรื่องแรกของผู้เขียนที่ได้รับรู้มา ในระลึกความทรงจำอันเลือนลางเหมือนกันเพราะไม่ได้ฟังนาน เนื้อหาบางส่วนก็ขาดหายไปไว้จะหามาเพิ่มเติมทีหลัง ต้องขอกลับไปฟังเรื่องเล่านั้นอีกรอบก่อน มาเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมดกันเลย ดังนี้
กาลครั้งหนึ่งถึงคราวที่ต้องประชุมสัตว์โลกที่ทั้งหมด
พระอิศวร(ศิวะ)จึงได้ประกาศนัดหมายเรียกให้สัตว์
ทุกชนิดส่งตัวแทนเผ่าพันธุ์ของตัวเองเข้าเฝ้าเพื่อ
อัพเดตข่าวสารและฟังเรื่องราวของโลกและสวรรค์
และรอฟังคำสั่งการของพระอิศวรด้วย เมื่อถึงวันเวลา
นัดหมาย สัตว์ต่างๆก็เริ่มทะยอยกันเข้ามาเฝ้าพระอิศวร
ที่เขาไกรลาส หลายวันต่อเนื่องกัน เพราะแต่ละตัว
ใช้ระยะเวลาเดินทางไม่เท่ากัน เมื่อมาถึงก็มานอนรอ
นั่งรอ ยืนรอ กันรอบหน้าพระบัลลังของพระอิศวร
บ้างก็หลับ บ้างก็ตื่น จนระยะเวลานานผ่านไปนานมาก
พระอิศวรจึงออกนั่งบัลลัง พบว่าโอ้สัตว์แต่ละตัว
หลับไหลกันหมด มีงูเท่านั้นที่ยังชูคออยู่ พระอิศวรก็
ปลุกเรียกสัตว์ทุกตัวให้ตื่นขึ้นแล้วบอกว่า เอาหละ
เมื่อพวกเจ้ามาครบแล้ว ข้าออกมาเห็นพวกเจ้า
หลับไหลกันหมด เหลือแต่งูเท่านั้นที่ยังไม่หลับ อย่างนั้น
ข้าจะให้พรกับเจ้างู ให้เจ้าไม่ตาย อายุยืน ให้เจ้าลอกคาบ
เมื่อเจ้ารู้สึกว่าแก่ จากนั้นพระอิศวรก็พูดเรื่องต่างๆมากมาย
จนมาถึงที่ พระอิศวรเรียกหามนุษย์ เฮ้ยมนุษย์อยู่ไหน
มันไม่มารึ มันทำไมไม่มา พระอิศวรเลยพูดถามหมาว่า
“ไอ่หมา ไอ่พวกมนุษย์มันไม่มาเลยรึ เจ้าสนิทกับมันไม่ได้
บอกมันหรือว่ามีประชุม” หมาก็ตอบว่า “ไม่รู้เหมือนกัน
ข้าไม่ได้คุยกับพวกมันก่อนมา” พระอิศวรพูด “โอเคมันไม่มา
งั้นให้พวกมันกินข้าว 3 วัน 1 มื้อพอ เจ้าไปบอกพวกมันด้วยละ”
หมาก็รับปากอย่างดี “ได้พระเจ้าข้า” หลังเลิกประชุมสัตว์ต่างๆ
ก็แยกย้ายกันกลับไปบอกเรื่องราวต่างๆในการประชุมให้เผ่าพันธุ์
รับทราบ หมาก็กลับมาคุยเรื่องของตัวเอง จนลืมไปว่าพระอิศวรรับสั่ง
ให้มาบอกบางเรื่องกับมนุษย์เกี่ยวกับการกินข้าว
แต่จำได้คลับคล้ายคลับคลา ว่าอะไร 3 อะไร 1 วันนี่แหละ
ด้วยความที่กลัวจะผ่านล่วงเลยไปนาน จะกลับไปถามพระอิศวรก็ไกล
แถมอาจจะโดนด่า โดนสาปด้วย เลยตัดสินใจไปบอกมนุษย์ว่า
“พระอิศวรฝากมาบอกว่า ให้กินข้าว 3 มื้อต่อ 1 วันนะ”
ระยะเวลาผ่านไปนานหลายปี เกิดปัญหาขึ้นมนุษย์กินข้าวเยอะ
ขี้เรี่ยราดไปหมด เดือดร้อนลำคานให้สัตว์ต่างๆบนโลก
จึงไปร้องเรียนให้พระอิศวรรู้ว่า มนุษย์ขี้เรี่ยราดเต็มโลกไปหมด
พระอิศวรก็สืบสวนเรื่องที่เกิดขึ้น จำได้ว่าตัวเองรับสั่งให้มนุษย์
3 วันกินข้าว 1 มื้อมันจะขี้เรี่ยราดยังไงเยอะขนาดนั้น
จึงได้เรียก หมา มาสอบถามว่า “เฮ้ย หมา ข้าบอกเจ้าไปบอกมนุษย์
เรื่องกินข้าวทำไมมันยังกินเยอะขี้เรี่ยราด เจ้าไปบอกพวกมันว่ายังไง”
หมาก็ตอบกับพระอิศวรแบบตรงๆว่า “ข้าบอกให้พวกมันกินข้าว
3 มื้อต่อ 1 วัน” พระอิศวรได้ยินดังนั้นหัวร้อนมาก จึงสั่งทำโทษหมา
“สั่งไปบอกอีกอย่างไปพูดอีกอย่าง โอเคงั้น เจ้าจงไปกินขี้มนุษย์นั่นแหละ
เป็นอาหาร ให้หมด อย่าให้เหลือเดือดร้อนไปถึงสัตว์อื่นอีก”
ตั้งแต่นั้นมาหมาเลยต้องกินขี้มนุษย์
จบแล้วเรื่องราวที่พอจะจำได้ แต่อาจจะขาดในส่วนของการรับสั่งสัตว์แต่ละชนิดไป หรือมีเท่านั้นก็จำไม่แม่เหมือนกันแต่เอาเป็นว่าตอนนี้ผู้เขียนจำได้เพียงเท่านี้ พอทีนี้มาค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตพบว่า นิทานเรื่องกินข้าว 3 มื้อ มีอีกหลายสำนวน ในนี้เราจะยกตัวอย่างนิทานสำนวนต่างๆมาให้อ่านกันดังนี้
เรื่องที่ 1 จาก “ลาวโซ่ง” “พระยาแถน”+”หมา”
นิทานพื้นบ้านของไทยดำหรือเรียนอีกชื่อหนึ่งว่า “ลาวโซ่ง” ตั้งภูมิลำเนาอยู่ที่ อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี และอำเภอในจังหวัดสุพรรบุรี ดังนี้(อ้างอิง 1)
เมื่อพระยาแถนสร้างโลกใหม่ได้ส่งคนและสัตว์ลงมาเกิด คนก็จับสัตว์กิจตามอำเภอใจไม่เป็นมื้อเป็นเวลา พวกสัตว์ไม่รู้จะระวังตัวอย่างไร เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไรคนจะกินอาหาร สัตว์ต่างๆมี หมู สุนัข วัว ควายเป็นต้น มาประชุมกันจึงตกลงว่าให้สุนัขไปทูลพระยาแถน เพราะสุนัขนั้นไม่ถูกคนกินและเป็นตัวกลางได้ดีกว่า สุนัขจึงขึ้นไปทูลพระยาแถนสั่งให้คนกินอาหารเป็นเวลา พระยาแถนจึงบอกว่า “ต่อไปนี้ให้คนกินอาหารสามวันต่อ หนึ่งมื้อ” สุนัขก็ลงมาแวะเที่ยวเตร่ตามทางจนลืมคำพระยาแถน ครั้นพบคนสุนัขนึกได้แบบผิดๆถูกๆ จึงบอกว่า “พระยาแถนสั่งให้คนกินอาหารวันหนึ่งสามครั้ง” เมื่อสุนัขบอกคนแล้วก็กลับขึ้นไปทูลพระยาแถนว่าได้บอกให้คนกินอาหารวันละสามครั้ง แทนที่จะบอกว่าสามวันกินอาหารครั้งหนึ่ง พระยาแถนโมโหสุนัขที่ไปบอกผิดๆและคิดว่าเมื่อคนกินมากก็จะถ่ายมากจะส่งกลิ่นเหม็นมาถึงเมืองแถน ฉะนั้นพระยาแถนจึงสั่งว่า “ต่อแตนี้ไปเจ้ามีหน้าที่กินมูลคนให้หมด อย่าให้เหม็นมาถึงเมืองแถน” และตั้งแต่นั้นมาสุนัขจึงกินมูลคน และคนก็กินอาหารวันละสามครั้ง
(นายทวน จับใจ ผู้เล่า จากหนังสือวรรณกรรมพื้นบ้านไทยทรงดำ อำเภอเขาย้อยจังหวัดเพชรบุรี รวบรวมโดยเรไร สืบสุข และคณะ)
เรื่องที่ 2 ”พญาแถน”+“ควาย”
ในอดีตกาลนานมาแล้ว สรรพสิ่งที่มีชีวิตทุกชนิดบนโลกมนุษย์นี้กำเนิดขึ้นมาจากอำนาจวิเศษของพญาแถน ซึ่งเป็นเทพเจ้าผู้มีอิทธิฤทธิ์อยู่บนสวรรค์ เป็นเทพเจ้าที่ยิ่งใหญ่ เป็นผู้กำหนดสิ่งมีชีวิตทุกๆสิ่งให้มีบทบาทและหน้าที่ต่างๆ กัน อย่างสมดุล และสมบูรณ์แบบ มนุษย์ก็เช่นกัน ล้วนถูกลิขิตชีวิตด้วยพญาแถนทั้งสิ้น แต่เดิมนั้นพญาแถนกำหนดให้มนุษย์กินข้าวเป็นอาหารหลักวันละหนึ่งมือ อยู่ต่อมาพญาแถนคิดว่า การที่มนุษย์กินข้าววันละมื้อ เป็นการสิ้นเปลืองข้าวเป็นจำนวนมาก จึงต้องการกำหนดให้มนุษย์กินข้าวสามวันต่อหนึ่งมือ (อ้างอิง 2:สมาชิกหมายเลข 1175264)
เมื่อคิดได้ดังนั้น พญาแถนจึ้งเรียกควายป่าซึ่งอาศัยอยู่บนสวรรค์มาหาทันที “เจ้าควายป่า เจ้าจงรับคำสั่งของข้า ลงจากสวรรค์ไปบอกมนุษย์เดี๋ยวนี้ว่า ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปให้กินข้าวสามวันต่อหนึ่งมือ”เจ้าควายเมื่อรับคำสั่ง รู้มีความรู้สึกดีใจยิ่งนักที่จะได้ลงมาเมืองมนุษย์ จึงรีบลงมาจากสวรรค์ทันที เมื่อลงมายังพื้นดินที่เป็นผืนนาของมนุษย์ เจ้าควายรูสึกตื่นตาตื่นใจ กับความสวยงามบนโลกมนุษย์ยิ่งนัก ทั้งดอกไม้และพืชพรรณสีสรรค์ต่างๆ จึงวิ่งพลางเดินพรางเพื่อรีบไปบอกมนุษย์ ปากก็พร่ำทบทวนคำสั่งที่ได้รับคำสั่งมาว่า…สามวันต่อมื้อ สามวันต่อมื้อ ด้วยความรีบร้อนและมัวแต่มองความงามของพื้นดิน จึงสะดุดคันหน้าอย่างแรง เซลงถลาไปชนจอมปลวกอย่างจัง ด้วยน้ำหนักที่มากของควาย จึงทำให้เกิดแรงเหวี่ยงอย่างแรง ศีรษะและใบหน้าของควายจึงฟาดกับจอมปลวกอย่างแรง ทำให้ฟันหน้าของควายหลุดหมด จากวันนั้นเป็นต้นมา ควายจึงไม่มีฟันมาถึงปัจจุบันนี้ นอกจากจะฟันหักแล้ว ความรุนแรงของอุบัติเหตุทำให้สมองเลอะเลือน ทำให้จำคำสั่งที่พญาแถนบอกไว้ไม่ได้ จำได้แต่คำว่า สาม สาม สาม เมื่อมาถึงหมู่บ้านเห็นมนุษย์จึงร้องบอกไปว่า “พญาแถนสั่งให้กินข้าววันละสามมื้อ”ผิดจากคำสั่งเดิมไปโดยสิ้นเชิง
นับตั้งแต่นั้นมามนุษย์ก็เปลี่ยนจากกินข้าววันละหนึ่งมื้อ มาเป็นกินข้าววันละสามมื้อ มาจนถึงปัจจุบันนี้ ฝ่ายควายเมื่อบอกให้มนุษย์แล้วจึงรีบเหาะขึ้นสวรรค์ รายงานต่อพญาแถนทันที “ข้าได้ทำตามคำสั่งของท่านแล้ว”ควายรีบรายงานผลงาน พร้อมกับทำความเคารพพญาแถน “ไหนเจ้าลองทบทวนคำสั่งของข้าซิ”พญาแถนร้องสั่งให้ควายพูดทบทวนคำสั่งอีกครั้งหนึ่ง เพื่อความมั่นใจในคำสั่งที่มอบหมายให้กับควายไป”ข้าบอกมนุษย์ว่า ตั้งแต่บัดนี้ไปพญาแถนให้พวกท่านกินข้าววันละสามมื้อ”เจ้าควายทบทวนคำสั่งให้พญาแถนฟังด้วยความมั่นใจ “ห๋า…เอ็งบอกว่าไงนะ กินข้าววันละสามมื้อ กินข้าววันละสามมื้อ ข้าสั่งให้มนุษย์กินข้าวสามวันต่อมื้อต่างหาก เอ้า…เจ้ากระทำความผิดอย่างมหันต์ เจ้าต้องรับโทษให้สาสมกับความโง่ของเจ้า ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปเจ้าต้องลงไปอยู่บนโลกมนุษย์ เพื่อไปทำนาให้มนุษย์กิน”พญาแถนทำโทษควายป่าด้วยความโมโห ตั้งแต่เหตุการณ์นั้นเป็นต้นมา ควายป่าก็ไม่มีฟัน และเป็นสัตว์เลี้ยงที่มนุษย์ใช้ทำนามาจนทุกวันนี้ และมนุษย์จึงกินข้าววันละสามมื้อด้วยประการฉะนี้…
เรื่องที่ 3 ”พระอินทร์”+“ควาย”
เพราะควายค่ะ พระอินทร์ท่านสั่งให้ลงมาบอกยังเมืองมนุษย์ว่า 3 วันให้กิน 1 มื้อ
ด้วยระยะทางไกลมาก ควายเลยจำผิดมาบอกมนุษย์ว่า 1 วัน กิน 3 มื้อ
ความรู้ถึงหูพระอินทร์ ท่านเลยสั่งให้ควายไปช่วยมนุษย์หาข้าวได้มากๆด้วยการทำนา
ปล.นิทานที่พ่อเราเล่าตั้งแต่เด็กๆแล้วค่ะ (อ้างอิง 3 :ม่วนใจ๋ จุงเบย)
เรื่องที่ 4 “พระเจ้า”+“หมู”
เท่าที่จำความได้ก็ตั้งแต่สมัยพระเจ้าสร้างโลกนั่นแหละ ตอนแรกที่พระเจ้าสร้างโลก ยังไม่ได้กำหนด มนุษย์ก็เลยมาถามพระเจ้าว่าจะให้กินข้าวบ่อยแค่ไหน พระเจ้ามาคิดดูเพื่อไม่ให้เป็นภาระมากก็เลยกำหนดจะให้มนุษย์กินข้าวสามวันต่อหนึ่งมื้อ โดยใช้ให้หมูเป็นผู้ไปบอกให้มนุษย์ หมูก็เดินไปหากินไป พอไปถึงก็ลืม สับสนก็เลยบอกให้มนุษย์กินข้าวสามมื้อต่อหนึ่งวัน พระเจ้าก็เลยโมโห ตบปากหมูจนเยินเหมือนทุกวันนี้ (อ้างอิง 4:rdo)
เรื่องที่ 5 “พระอิศวร”+”ควาย”
มนุษย์รู้จักทำไร่ทำนาเลี้ยงชีพมาหลายพันปีแล้ว โดยพึ่งพาอาศัยธรรมชาติ ปีไหนฝนแล้งก็จะเหนื่อยยากอดอยากมากกว่าปีอื่นๆ เพราะข้าวตาย พระอิศวรมองลงมาจากสวรรค์ รู้สึกสงสารชาวนามาก เลยใช้ให้ควายลงไปโลกมนุษย์ไปบอกชาวนาว่า “ต่อไปนี้ ให้กินข้าว 3 วันมื้อหนึ่ง จะได้ไม่ต้องลำบากปลูกข้าวได้พอกิน” ควายรับปากดิบดีว่าจะไปบอกตามที่สั่ง พอไปถึงทุ่งนาเห็นหนองน้ำใหญ่น่าลงไปเล่นตามสัญชาติญาณของควายที่ชอบนอนแช่ในปลัก นอนแช่น้ำเย็นสบายจนบ่ายคล้อยก็นึกขึ้นได้ว่าพระอิศวรใช้มาส่งข้าว จำได้แค่ว่าอะไรสามๆ เลยบอกชาวนาว่า “ต่อไปนี้พระอิศวรให้กินข้าววันละ 3 มื้อ จากที่ลำบากอยู่แล้วยิ่งลำบากเข้าไปใหญ่ พอกลับไปเฝ้าพระอิศวร พระอิศวรทวนถามว่าไปบอกเขาว่าอย่างไร ควายตอบว่า “ก็ตามที่พระองค์สั่งพระเจ้าค่ะ ให้กินวันละสามมื้อ” “ไอ้โง่เอ๊ย ! ชาวนายิ่งเดือดร้อนเข้าไปใหญ่ ข้าสั่งให้กินสามวันมื้อ” แต่ก็แก้ไขคำพูดไม่ได้แล้ว จึงสั่งให้ควายไปช่วยชาวนาไถนาปลูกข้าวตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา(อ้างอิง 5)
ผู้เขียน
จะเห็นว่ายังมีสำนวนต่างๆอีกมากมาย เกี่ยวกับการกินข้าวของมนุษย์ โดยมีสาระสำคัญคือ เทพ เป็นผู้สั่งให้กินข้าว หรือนัยยะหนึ่งคือเทพประทานข้าวมาให้มนุษย์ ผ่านสัตว์ต่างๆที่แล้วแต่สำนวนไหนจะพรรณนา ทีนี้มาดูต่อว่าเรื่องราวมันมีที่ไปที่มาของตำนานยังไง ผู้เขียนได้อ่านบทความที่เกี่ยวกับการกินข้าวของคนไทย (อ้างอิง 6) โดย สุจิตต์ วงษ์เทศ นิทานเกี่ยวกับ หมา+ข้าว+เทพ+มนุษย์ โดยเนื้อหาบางส่วนดังนี้
มีนิทานได้จากเมืองจ้วงกวางสีว่าหมาเป็นสัตว์ที่เอาพันธุ์ข้าวจากสวรรค์ลงมาให้มนุษย์ปลูกกิน มีเรื่องราวอย่างนี้ แต่ก่อนคนเรายังโง่ ยังไม่มีข้าวกิน เพราะไม่รู้จัก และไม่มีเมล็ดพันธุ์ข้าวปลูก ครั้งนั้นมีหมา 9 หางตัวหนึ่งขึ้นไปบนสวรรค์แล้วเอาหางทั้ง 9 จุ่มลงไปในกองข้าวของสวรรค์เพื่อขโมยพันธุ์ข้าวมาให้มนุษย์ พันธุ์ข้าวสวรรค์ก็ติดที่หางทั้ง 9 แล้วหนีลงมา แต่เทวดาเห็นก่อนจึงไล่ตาม แล้วใช้เทพอาวุธฟาดฟันหมาที่ขโมยพันธุ์ข้าว เทพอาวุธฟาดถูกหางขาดไป ๘ หาง หมาจึงเหลือหางเดียวพร้อมพันธุ์ข้าวที่ติดหางมาให้มนุษย์ นับตั้งแต่นั้นมามนุษย์ก็รู้จักปลูกข้าวกินแล้วยกย่องหมาเป็นผู้วิเศษที่ทําคุณแก่มนุษย์
จะเห็นได้ว่าสำนวนเกี่ยวกับ หมา เป็นไปได้มากที่จะเกี่ยวข้องกับนิทานข้าว 3 มื้อ ซึ่งมีหลักฐานเป็นภาพเขียนสีตามหน้าผาต่างๆ แถบจีนตอนใต้ เช่น ผาลาย มณฑลกวางสี (อ้างอิง 7) ลงมาถึง เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และในไทย เช่น ผาเขาจันทน์งาม จังหวัดนครราชสีมา ถ้ำเขาปลาร้า จังหวัดอุทัยธานี ซึ่งมีภาพพิธีกรรมที่มีมนุษย์กับหมาอยู่ร่วมเฟรมกัน โดยสุจิตต์ วงษ์เทศ ให้ความเห็นว่า “คนสมัยก่อนประวัติศาสตร์ยกย่องหมาเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ และเป็นสัตว์บูชายัญ ใช้หมาเป็นเครื่องเซ่นสังเวยผี”
นอกจากนี้ หมา ยังมีบทบาทสำคัญต่อเรื่อยมากับหลายเผ่าพันธุ์ในยุคหลัง(อ้างอิง 8) เช่น เมื่อครั้งสร้างเมืองเชียงใหม่ พระญามังราย ทำพีธีโดยให้ชนเผ่าลัวะจูงหมาเดินนำพระองค์เข้าเมืองเชียงใหม่
ส่วนการอ้างถึงเทพองค์ต่างๆนั้น ดูเหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับ เทพ 2–3 องค์ คือ พระอิศวร พระอินทร์ พญาแถน ซึ่งหากไล่ดูแล้ว จะเห็นว่าทั้งหมดคือ 3 เทพผู้ยิ่งใหญ่ของศาสนาฮินดู หรือที่เรียกกันว่า “ตรีมูรติ” เอาละมาถึงตรงนี้ขอแยกเทพต่างๆให้มองภาพออกแบบง่ายๆ สายมู ในบ้านเราจะได้ไม่สับสน
พระอิศวร = พระศิวะ (ผู้ทำลาย)
พระอินทร์ = พระวิษณุ = พระนารายณ์ = พญาแถน (ผู้ประทานพร)
พญาแถน = พระพรหม (ผู้สร้าง)
ซึ่งแถบบ้านเราก็มีการแย่งกันดันให้เทพที่ตัวเองนับถือแต่ละองค์เป็นใหญ่ในแผ่นดินแผ่นฟ้าจนเกิดเป็นนิกายต่างๆเช่น ไศวะนิกาย ไวษณพนิกาย (อ้างอิง 9) และนอกจากนี้ยังจับพระญาแถนซึ่งเป็นผีฟ้าท้องถิ่นรวมร่างเข้ากับ พระพรหม หรือพระอินทร์ ด้วย ตามนิทานเรื่องพระยาแถนสร้างโลก (อ้างอิง 10) เพราะฉนั้น แถน คือ เจ้าแห่งผีท้องถิ่น เทพต่างแดนไหนเจ๋งๆก็เรียกรวมๆกันว่า พญาแถน
สรุป
ผู้เขียนเชื่อว่านิทานเรื่อง หมา 3 มื้อ สอดคล้องกับวัฒนธรรม ความเชื่อเรื่องเทพให้หมาเอาข้าวมาให้มนุษย์ เป็นเรื่องเดียวกัน แต่อาจจะเสริมเติมแต่งจนทำให้มีรายละเอียดปลีกย่อยแตกต่างกันไป ความเชื่อแต่เดิมคือเทพประทานให้แต่หลังจากศาสนาฮินดูเผยแผ่เข้ามาใน พื้นที่ จีนตอนใต้ ทำให้ตรีมูรติ ถูกจับรวมร่างเข้ากับผีท้องถิ่น จึงทำให้ตำนานแยกเป็นหลายสำนวนตามแต่เทพที่ตนนับถือศรัทธา
อ้างอิง
- ทำไมคนจึงกินข้าววันละ 3 มื้อ — สันหามาเล่า. Booking Parade. www.facebook.com/bookingparade/posts/115841085192243
- มนุษย์เริ่มรับประทานอาหารวันละ 3 มื้อ ตั้งแต่เมื่อใด???. สมาชิกหมายเลข 1175264. พันทิป.คอม. www.pantip.com/topic/37290772
- ทำไมคนเราต้องกินอาหารสามมื้อคะ ? ใครเป็นคนบรรหยัดกฏนี้ ?. ม่วนใจ๋ จุงเบย. พันทิป.คอม. www.pantip.com/topic/31585347
- มนุษย์เริ่มมี วัฒนธรรมการกินอาหาร 3 มื้อ มาตั้งแต่ตอนไหนครับ. rdo. พันทิป.คอม. www.pantip.com/topic/30999079
- นิทานพื้นบ้าน เรื่องทำไมคนถึงกินข้าว 3 มื้อ. กาญจนา จันทร์สิงห์. รวบรวมและจัดทำข้อมูล. www.arit.kpru.ac.th
- นิทานจีนว่า บรรพบุรุษคนไทยกิน “ข้าวเหนียว” ที่หมา 9 หางขโมยจากสวรรค์. สุจิตต์ วงษ์เทศ. นิตยสารศิลปวัฒนธรรม ออนไลน์. www.silpa-mag.com/history/article_24693
- นานาปริศนา ภาพเขียนสีบนผาหินฮวาซาน ที่ยังไขคำตอบได้เพียงข้อเดียว!. นิตยสารศิลปวัฒนธรรม ออนไลน์. www.silpa-mag.com/history/article_54927
- นักคติชนวิทยาเผย หมาเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ในความเชื่อดั้งเดิมอุษาคเนย์ เชื่อถูกฆ่าให้ ‘นำทาง’สู่โลกหน้า. มติชนออนไลน์. www.matichon.co.th/education/news_346413
- องค์ความรู้ : หลักฐานศาสนาพราหมณ์-ฮินดูในภาคใต้ของประเทศไทย. กลุ่มเผยแพร่ฯ กรมศิลปากร. www.facebook.com/prfinearts/posts/3057993700934720
- พระยาแถนสร้างโลก. thaift นิทานพื้นบ้าน. https://thaift.wordpress.com/24-2/เทพนิยาย/พระยาแถนสร้างโลก/